วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องของพ่อ.....

ผมมีความรู้สึกไม่ดีกับครอบครัวโดยเฉพาะ พ่อ ซะเท่าไหร่

เหตุที่เป็นแบบนี้ มันมีเหตุครับ(!?)

ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าตัวผมนั้นมี "อคติ" กับผู้เป็นพ่อ เหตุที่เป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งมาจาก พ่อผมเคยบอก "ให้ผมไปตายซะ" ในวันที่ผมป่วยและไปเรียนไม่ไหว ผมรู้สึกว่ามันแรงเกินไปนะ แม้ว่าผมจะรู้อยู่แล้วว่า พ่อกำลังอารมณ์เสียตอนทะเลาะกับแม่อยู่......

แต่ผมคิดว่ามันเกินไป!!

อีกส่วนหนึ่งมาจาก การที่พ่อผมมีภรรยาน้อย (โคตรสุภาพ) ซึ่งบุคคลในฐานะดังกล่าวเป็นบุคคลที่ใกล้ตัว และอยู่ในครอบครัวของผมด้วย

ผมคิดว่า ไม่แปลกหรอกที่ผมจะอคติอะไรมากมายขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อ ณ เวลานี้แทบจะไม่เหลืออะไรให้อาลัยเท่าไรนัก

วันที่พ่อผมป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ผมก็มีตกใจและใจหายอยู่ แต่ไม่ได้เยอะมาก

คงเป็นเพราะผมเคยทำใจเรื่องของความตายและมีอคติอยู่ในภาวะเดียวกันด้วย

ตัวผมเกลียดและชิงชังมาก จนถึงขนาดปฏิญาณตนกับตัวเองว่า จะไม่ทำอะไรน่าเกลียดแบบที่พ่อทำเด็ดขาด และจะไม่มีภรรยาน้อยเหมือนอย่างที่พ่อทำ

การอคติของผมในสายตาของคนส่วนมาก (แทบจะหมดทั้งโลกเลยก็ว่าได้) อาจจะมองว่า ผมเป็นคนอกตัญญู เป็นลูกทรพี

แต่อย่างน้อยไอ้เรื่องแบบนี้ มันก็ทำให้ผมทำตัวที่ดีในแบบที่ผู้ชายทั่วๆ ไป เค้าทำกันไม่ได้

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Can't Replace

ผมไม่เข้าใจ......
ว่าเหตุใด.....
ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา......
ผมถึงไม่สามารถจะจดจำเรื่องของแฟนใหม่ได้อย่างชัดเจนได้เลย

กลับกัน.....
ผมกลับจดจำเรื่องของ "จอย" แฟนเก่าของผมได้อย่างชัดเจน

ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกันใน QQ (เก่าเวอร์)
จดจำครั้งแรกที่เราได้พบกัน ณ MBK 
ครั้งแรกที่เราได้อยู่ด้วยกัน.....

เหมือน..... สมองมันเหนื่อยล้าที่จะจดจำสิ่งใหม่ๆ แล้ว
รักใหม่ๆ คนใหม่ๆ

"มันไม่ใช่!!"
สำหรับผม!!!!

ผมกลับรู้สึกสมเพชตัวเองที่ไม่สามารถเป็นเหมือนคนปกติธรรมดาได้อีกต่อไปแล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง ผมสงสารแฟนใหม่ของผม
ผมไม่สามารถจะจำเรื่องที่เราได้ทำอะไรสำคัญๆ ได้มากนัก
แต่ผมก็จำได้คืนแรกที่เราอยู่ด้วยกันได้

แต่หลังจากนั้น.....

บางทีก็เลือนลาง.....
บางทีก็หายไป.....

ผมไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับแฟนใหม่ได้
ผมกลัวเธอเสียใจ
ผมกลัวจะทำร้ายเธอ 
และผมกลัวเธอมีน้ำตา

โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น.....

ผมพยายามที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านี้
แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามจะแก้ไข มันยิ่งแย่ลงไปทุกที

มันไม่สามารถแก้ไขได้เลย.....

ผมไม่สามารถ เอาความทรงจำใหม่ของผม Cut แล้ว Paste to Replace ได้เลย 
หนำซ้ำความทรงจำเก่ายังคงอยู่ถาวร โดยกลายเป็นความทรงจำใหม่ของผมมันเลือนลาง หรือหายไป......

เสียเอง!

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ยัง ไม่ อยาก ตาย

บางทีที่ผมอยู่คนเดียว จะมีบางครั้งที่ในหัวของผมมันผุดคิดเรื่อง "ความตาย" อย่างปลงๆ

แต่.... พอซักพักเท่านั้นแหละ......
ความรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ ความเศร้า ความสิ้นหวัง มันจะประดังประเดเข้ามาอยู่ในหัว

"ผมยังไม่อยากตาย!"

โดยที่ผมเองก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ว่า "ผมยัง.... ไม่อยาก.... ตาย!!"

แล้วความรู้สึกบ้าคลั่งต่างๆ มันก็ประทุออกมา
ในหลายๆ ครั้งอาจจะพอระงับ และประคองอารมณ์ได้

แต่.... ในบางครั้งนั้น
บางทีก็ร้องไห้ บางทีก็สติแทบแตก บางทีชั่ววูบหนึ่งนั้นก็คิดอยากจะฆ่าตัวตายขึ้นมาจริงๆ จนเกือบลืมตัว หรือสติหลุดลอยไปแล้ว

ดีที่ว่าทุกครั้งมันเป็นเพียงแค่ "ชั่ววูบ" เพียงเท่านั้น
หลังจากนั้น ก็กลับมามีสติ และสภาพจิตใจเริ่มปรับสภาพให้กลับไปสู่สภาวะปกติอย่างที่ควรจะเป็น.....

ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเหล่านี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว
การทานยา คือ สิ่งที่ช่วยให้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่ "หายขาด"

"สิ่งเหล่านี้" มันยังแฝงอยู่ด้านในลึกๆ รอเวลา โอกาส และปัจจัย ที่จะกลับมาอีกครั้ง

ช่วงนี้ อาการที่ว่ามา เริ่มเป็นบ่อยขึ้น
แถมมีอาการเวียนหัวตอนเช้าและก่อนเข้านอนเพิ่มเข้ามาด้วย (ลักษณะเวียนหัวเหมือนบ้านหมุน)

คงอาจจะต้องกลับไปใช้ยาเหมือนเดิมในไม่ช้านี้

หวังว่ามันคงไม่แย่ไปกว่านี้นะ.....
ขอร้องละ.....

"ผมยังไม่อยากตาย"

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

คิดถึง...... "เธอ"





ช่วงนี้...... อยู่ๆ ก็คิดถึง "แฟนเก่า" ขึ้นมา

เผอิญ แฟนปัจจุบัน อยู่ดีๆ ก็พูดถึง ว่าให้เรากลับไปหาแฟนเก่าซิ

แล้วบังเอิญ ช่วงฟัง Cat Radio (Fat Radio เดิม)

แล้วบังเอิญสถานี ประชาสัมพันธ์งาน Cat Expo (งาน Fat Fest. เดิม)

แล้วบังเอิญได้ฟังเพลงของ electric neon lamp "ภาวิณี"



(อะไรจะบังเอิญ เผอิญ ขนาดนี้)



จริงๆ วงนี้ เมื่อก่อนแฟนเก่าก็เหมือนจะ(จำไม่ค่อยได้) เคยมีอยู่ลิสต์เพลงที่ฟังประจำบ่อยๆ นะ

เนื้อเพลง และซาวด์ มันบาดลึกดีนะ

ที่ถึงกับขนาดทำให้ผมต้องนั่งฟังมาครึ่งวันแล้ว......



เพลงมันทำให้นึกถึงวันที่เราเลิกกัน(วันเกิดเธอ....)



ในตอนนั้นผมจำได้ว่า

ผมอยากจะคว้ามือเธอไว้

บอกให้เธอกลับมา

"อย่าเลิกกันเลยนะ"

"เรายังอยู่ด้วยกันได้นะ"



แต่แปลก.......

ที่ตอนนั้นผมกลับได้แต่ผงกหัวแบบโง่ๆ และยอมรับความจริง ณ เวลานั้น ว่า

"เราไปกันไม่รอด"



"7 ปี แห่งความสัมพันธ์"

ผมกลับทิ้งมันไป



มานึกดูอีกที รู้สึกว่า ผมมันดูโง่มากๆ ที่ปล่อยเธอไปง่ายๆ ขนาดนี้

แต่มานึกอีกที ถ้าไม่ปล่อยเธอไป วันนั้น

"แล้วผมจะรู้ได้ไงว่า เธอจะมีค่ามากมายได้ถึงขนาดนี้"


แฟนคนแรกคบกันได้ครึ่งปี ผมทำใจตั้งปีกว่า

นี่แฟนคนเก่าที่เลิกไปเมื่อสองปีก่อน...........



ผมต้องใช้เวลาทำใจนานเท่าไหร่นะ.......

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

คุณฆ่า.....คุณค่า

การที่คนไม่เห็นคุณค่าของเรา ยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่เราตกต่ำนั้น
มันน่าน้อยใจยิ่งนัก

วันเวลาก่อนหน้านี้ที่ผมเริ่มมีเงินเดือน ผมก็อยากจะช่วยลดภาระของคนในบ้านด้วยการ ซื้อของใช้ต่างๆ ภายในบ้าน
วันเวลาผ่านไป 10 ปี ผมพลาด ผมตกต่ำ รายได้น้อยลง ผมหวังที่พวกเค้าจะมาช่วยผม อย่างน้อยๆ ก็ปลอบประโลมใจ หนือไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้

แต่ผมกลับถูกมองว่า ผมไม่ได้ช่วยอะไรพวกเค้าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเลย

เป็นตัวถ่วง
ล้างผลาญ
ไม่ช่วยอะไร

ผมรู้สึกอึ้ง.....  และทำอะไรไม่ถูก
คนในครอบครัวผมเค้าคิดกับผมแบบนี้ได้อย่างไร

ผมรู้สึกแย่มากเลยครับ
ผมทำอะไรผิดเหรอ
ผมก็ช่วยแล้ว
ผมพยายามจะไม่ให้ใครมาช่วยเหลือ
ผมพยายามช่วยเหลือตัวเอง
ผมพยายามช่วยคนในครอบครัว

ไอ้สัส! ทำไมคนในครอบครัวคิดกับผมแบบนี้

ต่อไปนี้..... ผมจะอยู่เพื่อตัวเอง เห็นแก่ตัวบ้าง
ผมคิดว่า ถ้าเราเอาตัวเองไม่รอดจะไปช่วยใครได้

ที่สำคัญ ถ้าวันนึง เราเอาตัวเองไม่รอด
เราก็จะกลายเป็นเป้าให้คนอื่นรุมทำร้าย เข้ามาโจมตีเรา เหยียดหยาม อย่างไม่มีชิ้นดี

จะจำวันนี้เอาไว้!!

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ความอดอยาก

ผมรู้สึกเหนื่อยล้ากับ "ความอดอยาก" ของตัวเองมากเลยนะ

จึงกำเนิดคงเกิดจากการที่ผมกู้เงินให้แม่ไปใช้หนี้
ซึ่งมุมมองของหลายๆ คน คงมองว่า มันดีแล้วที่เป็นคนกตัญญู แต่กับผมแล้ว มันไม่ใช่!!

ก่อนผมตัดสินใจกู้เงินมา ผมลองถามแม่ว่า มีหนี้อยู่แค่ 15,000 บาท จริงหรือไม่ คำตอบของแม่ ณ ตอนนั้น คือ ใช่
ผมก็เลยลองถามตัวเองดูหลายๆ ครั้ง ก่อนตัดสินใจเองว่าจะกู้เงิน ซึ่งเป็นเงินในระบบ(สหกรณ์) ให้แม่ไปใช้หนี้ซะให้หมด แม่จะได้ไม่ต้องมีหนี้สินอีก จะได้สบายตัวแกซะที และผมก็หวังให้แม่ช่วยเรื่องอาหารการกินด้วย เพราะถ้าผมกู้มา เงินไม่พอแน่นอน

ผมคิดไว้อย่างนั้น......
และผมคิดผิด!!

พอกู้เงินให้แม่ และใช้หนี้ไป สิ้นเดือนต่อมา แม่ยังบ่นเรื่องหนี้อยู่อีก
ผมก็เอะใจเลยถามแม่ว่าไอ้ที่ให้ไป เอาไปใช้หนี้เค้าหรือยัง

แม่อิดออดจะไม่ตอบ จนผมถามเยอะๆ ก็ได้คำตอบว่า
ที่ให้มาเอาไปใช้แล้ว แต่เป็นหนี้ของน้องซึ่งแม่ช่วยเหลือน้ององยู่ และแม่ยังมีหนี้ที่อื่นอีก

ผมงี้หมดแรงเลย ทำไมแม่ทำกับเราอย่างนี้
ก็ถามแม่ว่าจะช่วยเรื่องค่าข้าวตอนเย็นได้ไหม คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะแม่เงินมีไม่พอ

รู้สึก "น้อยใจ" และ "แค้นใจ" ไม่น้อย ที่แม่ไม่บอกความจริง
แถมแม่ยังไปช่วยน้องชาย ทั้งๆ ที่หนี้สินของมัน
มันก็ทำตัวเองแท้ๆ

ผมคงต้องอดทนอีกซักระยะใหญ่ๆ เลย กว่าที่ผมจะใช้เงินกู้หมด ก็เดือน ก.พ.

คงต้องเหนื่อยอีกหลายเดือนอยู่ กว่ามันจะจบสิ้น
ได้แต่พูดอยู่ในใจลึกๆ ข้างในว่า เหนื่อยเหลือเกิน......

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

เมื่อความจริงในใจปรากฎต่อ.....เธอ

เมื่อวานเธอได้รับรู้เรื่องที่อยู่ในใจผมไปแล้วครับ 200%

ครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับ 200%
เหตุที่ผมใช้เกิน 100% เป็นเพราะคนที่ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับแฟนนั้น เอาที่ผมไปพูดเล่นๆ + ใส่สีตีไข่ไปเพิ่ม ทำให้เกิดเนื้อหาที่มันเกินจริงเกินความพอดีไป

คงจะไปโทษเค้าไม่ได้ เพราะผมผิดเองที่ไว้ใจไปเล่าปัญหานี้ให้เพื่อนร่วมงานที่สนิทฟัง ทั้งๆที่ผมเองก็รู้ว่า แกเนี่ยเป็นคนยังไง อันตรายแค่ไหน
แต่ด้วยความไว้ใจ + ความสนิทใจ ผมเลยเชื่อว่าเค้าจะแค่รับฟัง และไม่เล่าอะไรให้ใครฟัง.....

แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เค้าเอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง แถมคนที่เอาไปเล่านั้น เป็นแฟนผม

ผมพูดตามตรงว่าผมเอง ทำใจไม่ได้หรอกที่จะเลิกกับแฟนไป
ยิ่งแฟนผมมีปัญหาในเวลาเช่นนี้ ผมยิ่งไม่อยากปล่อยเธอไปเดินคนเดียวเลย
ไอ้เรื่องที่กล่าวหาว่าผมจะเลิกกับเธอ เหตุเพราะ เรื่องที่เธอมีลูกแล้ว กับปัญหาครอบครัวของเธอ และปัญหากับแฟนเก่านั้น มันไม่ใช่เลย!!

ผมเพียงแค่รู้คำตอบจากการที่ได้คบกับเธอแล้วว่า ผมมันเป็นคนอันตรายกับคนรอบข้างขนาดไหน ผมเป็นคนที่มีปัญหาทางจิตอยู่แล้ว แถมผมนั้นนำพามาแต่ความเจ็บปวดให้กับคนที่เป็นแฟนผม แม้แต่กระทั่งคนรอบข้าง ผมทำร้ายจิตใจคนไปในแบบที่ไม่รู้ตัว

เมื่อวานผมเสียใจ และร้องไห้นานมาก ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ ไม่อยากเลิก แต่ถ้าไม่เลิก ผมก็ยังทำให้เธอลำบากใจ และปวดใจจากกระทำของผม

เมื่อวานยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรที่ "เรา" จะเดินทางเส้นเดียวกันต่อไป หรือจะแยกกันเดินหรือไม่

แต่ในเวลานี้ผมอยากแค่ให้เรายังคงสถานะนี้อยู่ต่อไป ให้เวลาแบบนี้ยังอยู่ต่อไป......

"แม้ซักเสี้ยววินาทีนึง......ก็ยังดี"

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

ชีวิตคู่

ผมรู้สึกว่าชีวิตคู่ มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับผมนะ

หลังจากที่เลิกกับแฟนเก่าไป ผมก็มีแฟนใหม่ และผมก็หวังไว้ในใจอยู่ลึกๆ ว่า เราจะมีประสบการณ์ใหม่ๆ การเริ่มต้นใหม่ และความรู้สึกดีๆ ต่อกัน.....

"แต่มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเลย"
ผมกลับยิ่งค้นพบคำตอบว่า เราไม่สามารถอยู่ร่วมกับใครได้ มันกลายเป็นความยากลำบาก ผมอยู่ด้วยความไม่แน่ใจว่า คนๆ นี้จะใช่หรือไม่
ประกอบกับนิสัยเสียๆ หลายอย่างที่ไม่สามารถแก้ให้ดีขึ้นได้ (เรื่องอารมณ์ที่รุนแรง และความก้าวร้าว) ผมค้นพบว่า การที่ผมอยู่ตัวคนเดียว ดูเหมือนจะมีผลดีกับตัวผมและคนรอบๆ ข้าง

ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนอันตราย และกลัวการคบที่มันจะจบลงด้วยการเลิกลา

วันนี้ผมยังคบกับแฟนคนนี้อยู่ แต่มันก็เหมือนคบกันเพื่อรอวันเลิกลาเท่านั้นเอง

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

Tried

ผมก็ไม่รู้นะว่า ผมจะต้องพิมพ์อะไร ตั้งบล๊อคนี้มาก็เพื่อจะระบาย "อะไรซักอย่าง" แต่ก็ยังไม่มีอะไรให้ระบายมากนัก

แต่ก่อนหน้าที่จะทำบล๊อค มันมีหลายอย่าง อารมณ์มากมาย แต่โดยรวมแล้ว คือ "ทุกข์"
ชีวิตที่ผ่านๆ มา ก็ดีนะ มีความสุข แต่ความทุกข์มันก็มีเป็นของที่คู่กัน

30 ปีที่ผ่านมา ผ่านเรื่องราวที่ดี และร้ายมากมาย
เจอคนที่ดีต่อเรา  และคิดร้าย ทำร้ายต่อเรา และก็มีคนที่มีทั้งสองอย่างในร่างเดียวกัน

โดนหลอก หักหลัง ไม่ไว้ใจ

รู้สึกเหนื่อยมากๆ เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เหนื่อยไปหมด
รู้สึกว่า ชีวิตเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเก่าเลย
อาจจะแย่ลงซะด้วยซ้ำ

ตอนนี้อยากนะ อยากอยู่คนเดียว เงียบๆ อยู่ในโลกส่วนตัว
อยากนั่งคิด นอนคิด หรืออกไปท่องเที่ยว
อยากมีอิสระทางความคิดที่มากพอ พอที่จะตะโกนอะไรซักอย่างได้
บางทีก็อยากร้องไห้ อยากฟูมฟายบ้าง (ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายก็เถอะ)

พูดง่ายๆ ก็ คือ การได้รับการปลดปล่อย นั้นเอง

ตอนนี้มีแต่ความขมุกขมัวอยู่ในใจ อยากจะหนีไปให้ไกลจากปัญหาของชีวิตที่มีอยู่
แต่รู้ว่า มันก็ไม่ได้ง่ายดายนัก

อยากพัก.... อยากพัก..... อยากหลับตา และตายไป

ขอพอซักทีเถอะ.....